ทำไมต้องเลือกโปรเจคเตอร์ 4K ของ BenQ

โปรเจคเตอร์จะทำงานได้ดีหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับเลนส์ในตัว เช่นเดียวกับกับจอทีวีที่จะแตกต่างกันไปในแต่ละชนิดของ Panel การที่จะพูดถึงเทคโนโลยี 4K นั้นง่ายมากแต่ในความเป็นจริงนั้นเลนส์และความชัดของภาพอาจจะออกมาอีกแบบ ภาพอาจจะจะถูกบิดเบือนจากการปรับอุณหภูมิสี ถึงแม้มีการใส่ DLP chip ที่ดีที่สุดในโลกแต่หากคุณภาพของเลนส์ไม่ดีพอนั้นก็ไม่ทำให้เกิดภาพที่มีคุณภาพ

แต่นั่นจะไม่เกิดขึ้นกับโปรเจคเตอร์ 4K ของ BenQ เพราะตัวเลนส์ประกอบด้วยเลเยอร์มากถึง 11ชิ้น ส่วนประกอบของเลนส์จะอยู่ในปล้องโลหะที่จะช่วยในการโฟกัสแสงและกำจัดสิ่งรบกวน เราได้รวบรวมผู้เชี่ยวชาญด้านเลนส์ในการออกแบบและทดลอง และได้เลือกสรรวัสดุของเลนส์แก้วที่ดีและทนทานที่สุด เพราะเลนส์พลาสติกทั่วไปนั้นทำให้เกิดภาพที่ไม่สม่ำเสมอ เลนส์ที่ทำจากแก้วจะทนต่อความร้อนซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างโปรเจคเตอร์เพราะความร้อนอาจมีผลเสียต่อเลนส์ได้

นอกจากนี้ โปรเจคเตอร์ของ BenQ มาพร้อมกับเทคโนโลยี DLP (Digital Light Projection) ที่สร้างความทนทานโดยใช้กระจกเล็กๆ จำนวนมากในการสะท้อนแสง ในขณะที่แบรนด์อื่นใช้ LCD panels ที่มีราคาถูกกว่าและไม่ทนทานต่อการใช้งานจึงทำให้เกิดภาพจางได้ตามเวลาการใช้งาน การที่เลือกใช้เทคโนโลยี DLP และเลนส์คุณภาพดีทำให้ภาพไม่บิดเบือนและไม่ขาดหาย

เพื่อที่จะคงความสมดุลของปัจจัยภาพนอกและสร้างภาพที่ดี ควรเลือกโปรเจคเตอร์ 4K ของ BenQ ที่มีเทคโนโลยี HDR-PRO ที่มีทั้งในซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์

ในส่วนของฮาร์ดแวร์ โปรเจคเตอร์ของเราใช้การตั้งค่า Dynamic Iris ที่จะเพิ่มเลเยอร์ของภาพให้มีการตอบสนองเพิ่มมากขึ้น จึงทำให้เกิดเทคโนโลยี HDR-PRO ในโปรเจคเตอร์ของ BenQ ซึ่งสร้างความแตกต่างในการแสดงสี เช่น สีดำจะมีรายละเอียดสีที่ไม่เหมือนสีดำปกติ 

ฟีเจอร์ HDR-PRO จะฉายภาพที่ทำให้คุณรู้สึกถึงความสมจริง แต่ในด้านลบคืออาจจะทำให้ภาพสว่างจ้าจนเกินไป นั่นเป็นเพราะว่าผู้ผลิตได้ใช้แค่การตั้งค่าง่ายๆอย่างการปรับความสว่าง ซึ่ง BenQ เราได้ลงทุนในการปรับการทำงานของ HDR เพื่อที่จะให้ภาพแสดงออกมาสมจริงตามต้นแบบมากที่สุด 

มากไปกว่านั้นโปรเจคเตอร์ 4K ของ BenQ ได้รองรับ HLG (Hybrid Log Gamma) ที่เป็นทางเลือกของเทคโนโลยี HDR ในการใช้งานทั่วโลกโดยเฉพาะผู้กระจายเสียงทางวิทยุหรือโทรทัศน์อย่าง BBC และ NHK ที่อาจจะมีการมองข้ามโดยผู้ผลิตบางแบรนด์

HDR Brightness เป็นส่วนหนึ่งของเทคโนโลยี HDR-PRO จึงทำหน้าที่สร้างความสบายให้ผู้ใช้ ถึงแม้โปรเจคเตอร์ของเราจะปรับระดับ HDR โดยอัตโนมัติ แต่เราได้มาพร้อมกับตัวเลือก HDR มากถึง 5 ชนิดที่ใช้ได้กับจอขนาด  80” ถึง 200” ตามระยะห่างในการรับชม คุณสามารถใช้โหมด HDR-PRO (แนะนำ) ที่จะปรับค่าให้อัตโนมัติ หรือ สามารถเลือกการตั้งค่าได้อย่างง่ายดาย ตามโปรไฟล์ที่เราได้สร้างไว้ตามที่คุณต้องการ 

เรากลับเข้าสู่อุตสาหกรรมของการตลาด ที่ทุกคนมุ่งมั่นในการเข้าถึงค่ามาตรฐานที่ระบุไว้บนกระดาษ จนลืมคิดค้นเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่จะนำมาตรฐานนั่นมาใช้ในชีวิตจริง ยกตัวอย่างเช่น ขอบเขตความกว้างของการแสดงสีที่เราเรียกว่า color gamut ที่โปรเจคเตอร์ทั่วไปจะมาพร้อมกับสเปค Rec. 709 และ DCI-P3 แต่ไม่ได้คิดค้นเพื่อแก้ไขในเรื่องประสิทธิภาพของฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ที่มีผลต่อการแสดงผล

โปรเจคเตอร์ 4K ของ BenQ ได้แก้ไขปัญหานี้โดยใช้เทคโนโลยี CinematicColor ที่ครอบคลุมสเปกตรัมของสีผ่านวงล้อสี RGBRGB โดยถูกออกแบบมาเพื่อใช้งานกับเซ็นเซอร์ DMD (digital micromirror device) ที่ติดมากับ DLP chip เพื่อสร้างสีที่ออกมากว้างกว่ามาตรฐานเดิมคือ 100% Rec.709,  DCI-P3 color space สูงถึง 100%, และรองรับคอนเทนต์ Rec 2020 ซึ่งเป็นมาตรฐานของ SMPTE (Society of Motion Picture and Television Engineers) เพื่อการสร้าง 4K UHD Blu-ray ผู้เชี่ยวชาญของเราได้มุ่งมั่นที่จะสร้างสีที่แม่นยำ ให้ผู้ชมได้เพลิดเพลินตามที่ผู้กำกับหรือคนทำหนังตั้งใจ เราได้ให้ความสำคัญกับเรื่องของมาตราฐานอุณหภูมิสี D65 ที่ยอมรับทั่วโลกและได้รับรองว่ามีค่า Delta E ระดับ 3 ซึ่งมีโอกาสการแสดงสีสันได้ผิดพลาดน้อยมากจึงทำให้สีออกมาแม่นยำ การลงทุนสร้างเทคโนโลยี CinematicColor แสดงให้เห็นว่าค่าของ color space จะไม่ดูดีแค่ในตารางสเปค แต่ยังสร้างสีสันสวยงามบนหน้าจอด้วย  

BenQ เป็นผู้ผลิตรายเดียวในขณะนี้ที่มีการแนบใบยืนยันผลจากโรงงานผลิตในกล่องโปรเจคเตอร์รุ่น CinePro and CinePrime series บนใบรายงานได้ระบุประสิทธิภาพการแสดงค่าสีของโปรเจคเตอร์แต่ละรุ่นโดยอ้างอิงค่าจากโรงงานผลิต ใบรายงานนี้ได้แสดงถึงความมุ่งมั่นของเราที่จะแสดงค่าสีที่แม่นยำและภาพที่มีคุณภาพสูง เราได้รับรองประสิทธิภาพของ Rec. 709 และ DCI-P3 และการทำงานของโปรเจคเตอร์ เรารับรองว่ามีค่า Delta E ระดับ 3 ซึ่งภาพที่แสดงออกมาแทบไม่แตกต่างจากภาพต้นแบบ มีการทดลองเพื่อยืนยันแล้วว่าค่า Delta E ระดับ 3 หรือน้อยกว่านั่นจะสามารถแสดงสีได้อย่างแม่นยำและแทบไม่มีโอกาสบิดเบือน

*ใบยืนยันผลจากโรงงานผลิต หรือ Factory Calibration Report แนบมากับกล่องโปรเจคเตอร์ CinePro and CinePrime series ทุกรุ่นนอกจาก X12000, W8000, W3000

ทีมวิศวกรของเราไม่ได้สร้างการตั้งค่าโหมดแสดงภาพที่ธรรมดาอย่าง warm1 และ warm2 แต่ได้สร้างโหมดการดูหลายๆแบบเพื่อตอบโจทย์ผู้ชม เช่น โหมดสปอร์ตถูกออกแบบมาจากการรวบรวมภาพการแข่งขันกีฬาฟุตบอลและบาสเกตบอลหลายๆเกม โดยเน้นสีที่ถูกต้องจามความเป็นจริงอย่างสีเขียวของหญ้าบนสนาม สีน้ำตาลไม้ของพื้น สีผิวผู้เล่น และชุดเล่น โหมดนี้ยังถูกปรับเข้ากับเสียงที่สร้างขึ้นมาให้เหมือนอยู่ในสนามอย่างสมจริง

แต่สำหรับคอหนัง เรามีโหมด CinemaMaster Video ที่จะทำงานได้ดีกับคอนเทนต์ HDR และ SDR โดยสร้างประสบการณ์การดูเสมือนอยู่ในโรงภาพยนตร์ขนาดใหญ่ มาพร้อมฟีเจอร์อย่างการเพิ่มพิกเซล เพื่อเพิ่มความสว่างและรายละเอียดของภาพ เพิ่มฟีเจอร์รองรับการเคลื่อนไหวอย่างไวเพื่อลดภาพเบลอ ปรับสีให้สมจริงตามธรรมชาติ ฟีเจอร์เหล่านี้ไม่ได้ถูกรวมอยู่ในโหมดการตั้งค่าใดๆ เพราะจะทำการปรับอัตโนมัติตามคอนเทนต์ต่างๆ 

โดยปกติแล้วโปรเจคเตอร์ 4K จะมาพร้อมลำโพงขนาดเล็กที่มีเสียงเบา ทำให้หลายคนไม่ต้องการตัวเลือกของโปรเจคเตอร์ที่มาพร้อมลำโพง แต่นี่ไม่ใช่สำหรับ โปรเจคเตอร์ 4K ของ BenQ ที่มาพร้อมเสียง CinemaMaster Audio โดยจะสร้างเสียงที่มีพลังและดีไปอีกขั้นหนึ่ง โดยมีส่วนประกอบของอลูมิเนียมและแม่เหล็กนีโอดีเมียในการสร้างเสียงอย่าง deep bass crisp treble และทุกซาวด์แทร็กที่จะครอบคลุมทุกความต้องการของคอหนัง ลำโพงที่เรามีให้จะทำให้การหาซื้อลำโพงแยกไม่จำเป็นอีกต่อไป โปรเจคเตอร์ที่มาพร้อมลำโพง CinemaMaster Audio ได้ถูกออกแบบมาเพื่อการใช้งานที่ยาวนานและสร้างความประทับใจให้ผู้ใช้

โปรเจคเตอร์ 4K ของ BenQ ได้ลงรายละเอียดในทุกแง่มุมที่จะทำให้โปรเจคเตอร์ออกมาดีที่สุดและไม่หยุดที่จะพัฒนาต่อไป เราไม่ได้แค่อ้างอิงถึงเทคโนโลยี 4K และ HDR แต่ยังหาวิธีในการออกแบบมาเพื่อการใช้งาน 4K, HDR, โหมดภาพและเสียง และการฉายภาพที่ดีที่สุด เราไม่ได้เน้นตัวเลขหรือจำนวน แต่ต้องการออกแบบมาเพื่อสร้างคุณภาพของโปรเจคเตอร์ที่ฉายภาพได้ดีที่สุด เราหวังว่าคุณจะเข้าร่วมผจญภัยไปพร้อมๆกันกับเรา