ข้อดีของการเล่นเกมส์บนจอมอนิเตอร์ 4K

โทรทัศน์และมอนิเตอร์ส่วนใหญ่ในปัจจุบันมีฟีเจอร์ความละเอียดแบบ 4K ซึ่งหมายความว่าสามารถให้ภาพที่คมชัดและมีรายละเอียดมากกว่าในระดับ 3840 X 2160 พิกเซล โทรทัศน์ถูกออกแบบมาให้ถูกรับชมจากระยะไกลด้วยความหนาแน่นของพิกเซลที่ต่ำกว่า ดังนั้น เมื่อมองจากระยะใกล้จึงเกิดภาพแตก เพื่อประสบการณ์การเล่นเกมส์ที่มีมิติมากขึ้น เกมส์เมอร์ที่ใช้หน้าจอในระยะใกล้อาจต้องการเลือกมอนิเตอร์ที่มีความหนาแน่นของพิกเซลมากกว่า เพราะคงไม่มีใครอยากเล่นเกมส์ที่มีภาพความหนาแน่นของพิกเซลต่ำ

เวลาในการตอบสนอง หมายถึง เวลาที่พิกเซลใช้ในการเปลี่ยนจากสีเทาเฉดหนึ่ง ไปยังอีกเฉดหนึ่ง (GtG) หรือจากสีดำไปเป็นสีขาว ซึ่งมีหน่อยวัดเป็นมิลลิวินาที เวลาในการตอบสนองที่รวดเร็วช่วยขจัดความไม่คมชัดของภาพเคลื่อนไหวและให้ภาพที่นุ่มนวลขึ้น สำหรับหน้าจอมอนิเตอร์นั้น พาเนลประเภท TN มีเวลาในการตอบสนองรวดเร็วสูงสุด คือ 1 มิลลิวินาที เช่นหน้าจอ BenQ EL2870U โดยพาเนล IPS ทั่วไปมีอัตราการตอบสนอง 5 มิลลิวินาที แต่ประเภทพาเนล IPS ของโทรทัศน์ส่วนใหญ่ มีเวลาการตอบสนองเร็วที่สุดเพียง 15 มิลลิวินาทีเท่านั้น ดังนั้นจึงก่อให้เกิดภาพขาด

ความแตกต่างที่ชัดเจนที่สุดระหว่างโทรทัศน์ และมอนิเตอร์ก็คือ ตัวเชื่อมต่อ โทรทัศน์ใช้ HDMI เป็นหลักในการโอนถ่ายสัญญาณวีดีโอซึ่งมักต้องการตัวเชื่อมต่อที่หลายหลายเพื่อรับสัญญาณ เช่น อนาล็อกหรืออื่นๆ แต่มอนิเตอร์นั้นพรั่งพร้อมด้วย HDMI และตัวเชื่อมต่อ DisplayPort/Type-C สำหรับสัญญาณวีดีโอ นอกจากนี้ยังมีแจ็คสเตอริโอ 3.5mm เพื่อการรับเข้าและส่งออกเสียงในภาพรวม มอนิเตอร์มีพอร์ตเพื่อการรับสัญญาณจากคอมพิวเตอร์มากกว่า อีกทั้งยังมีแถบความถี่ที่กว้างกว่าเพื่อรองรับความละเอียด และอัตราการรีเฟรชที่สูงขึ้น ดังนั้นมอนิเตอร์จึงเหมาะสมกับการบริโภคความบันเทิงมัลติมีเดียมากกว่าเป็นอย่างมาก

หลังจากทบทวนข้อเปรียบเทียบต่างๆแล้ว สามารถช่วยให้คุณเลือกประเภทหน้าจอที่ถูกต้องเพื่อประสบการณ์การเล่นเกมส์ที่ที่เหมาะสมมากที่สุดหรือไม่? ทั้งนี้มันยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่คุณต้องพิจารณาเพื่อการใช้งานเกมส์ที่ดีกว่า เช่น Input Lag, อัตราการรีเฟรช และ FreeSync

อัตราการรีเฟรช คือ เวลาที่ใช้อัปเดตภาพบนจอใน 1 วินาที จอมอนิเตอร์ส่วนใหญ่สามารถรองรับอัตราการรีเฟรชได้สูงสุด 120Hz และบางส่วนสามารถรองรับได้รวดเร็วถึง 144Hz ซึ่งช่วยทำให้แน่ใจว่าภาพที่ลื่นไหลมากขึ้น อย่างเช่น BenQ EX3203R

บริษัทผู้ผลิตโทรทัศน์หลายรายในปัจจุบันอ้างว่าโทรทัศน์ที่ถูกผลิตขึ้นมีอัตราการรีเฟรชถึง 120 หรือแม้แต่ 240Hz ซึ่งเป็นที่ร่ำลือกันหมู่เกมส์เมอร์ว่า “ปลอม” หรือ เป็นอัตราการรีเฟรชที่ถูกกระตุ้น (Stimulated Refresh Rate) ในความเป็นจริงแล้ว อัตราการรีเฟรชที่แท้จริงของมอนิเตอร์โทรทัศน์ ยังเป็น 60Hz เท่านั้น นั่นเป็นเพราะว่าแต่ละแบรนด์ใช้เทคนิคเพื่อทำให้ภาพดูเบลอน้อยลงขณะรับชมวีดีโอ ซึ่งไม่มีประโยชน์เลยสำหรับการเล่นเกมส์ เนื่องจากโทรทัศน์แบบดังกล่าวจะไม่แสดงเฟรมแท้จริงที่ถูกเคลมไว้ คือ 120 หรือ 240Hz

Input Lag คือ ความล่าช้าที่เกิดขึ้นในระหว่างที่หน้าจอรับสัญญาณ และแสดงผลออกมา ความล่าช้าที่เกิดขึ้นนี้จะส่งผลกระทบอย่างมากกับการตอบสนองในเกมส์ โทรทัศน์ทั่วไปมีสิ่งที่เรียกว่า “โหมดเกมส์” ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อลด Input Lag และทำให้การเล่นเกมส์ลื่นไหลมากขึ้น

มอนิเตอร์มีทางเลือกมากกว่าในการลดความล่าช้าของอินพุท (Input Lag) ได้แก่ FreeSync Compatibilityหรืออัตราการรีเฟรชที่สูงขึ้น FreeSync (ดูเพิ่มติม BenQ EW3270U และ EX3501R) และ FreeSync2 (ดูเพิ่มเติม BenQ EX3203R) ได้ถูกพัฒนาขึ้นโดย AMD หากเป็นมอนิเตอร์ FreeSync- หรือ FreeSync2-compatible จะสามารถซิงค์อัตราการรีเฟรชของมอนิเตอร์และคอนโซลเพื่อขจัดปัญหาภาพขาดได้

หากคุณต้องการประสบการณ์การเล่นเกมส์อันยอดเยี่ยม จอมอนิเตอร์เป็นตัวเลือกที่ดีกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเกมส์การแข่งขันที่ต้องการเวลาในการตอบสนองที่รวดเร็วกว่า, อันตราการรีเฟรชที่สูงกว่า และการรองรับ FreeSync ที่ทำให้คุณสามารถเพลินเพลินไปกับเกมส์ที่มีความไหลลื่น, คมชัดและมีมิติ และท้ายที่สุดหน้าจอที่ให้ความสบายตาก็เป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์ที่คุณควรจะพิจารณาเช่นกัน การลดแสงสีฟ้า และแสงกระพริบ (flicker-free) เป็นแค่พื้นฐาน หน้าจอที่มาพร้อมกับ Brightness Intelligence ที่สามารถปรับตามแสงโดยรอบ จะให้ประสบการณ์การเล่นเกมส์ที่มีการมองเห็นที่สบายมากขึ้น